วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ภาวะผู้นำไทยในอนาคต




โดย...ไพบูลย์  วัฒนศิริธรรม





          มองผู้นำย้อนอดีต  การจะมองภาวะผู้นำของไทยในอนาคต เราจำเป็นต้องมองผู้นำในอดีตและปัจจุบันพร้อมกันด้วย  จะพูดถึงอนาคตโดยไม่ย้อนกลับไปมองอดีตและมองข้ามปัจจุบันไปก็คงอย่างไรๆ อยู่  ในอดีตคนไทยชอบมีผู้นำ และพึ่งผู้นำ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าอะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นผล นี่คือความรุ้สึกของคนทั่ว ๆ ไป  คนไทยอาจจะถูกนำมามาก เลยคิดแต่จะพึ่งผู้นำ ไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าใด ลักษณะที่ผิดแผกไม่เหมือนใครของคนไทยประการหนึ่งคือ คนไทยมีพฤติกรรม 2 แบบ ในคนคนเดียวที่ขัดแย้งกัน กล่าวคือ ในยามสบายๆ คนไทยไม่ชอบให้ใครมายุ่งเกี่ยว แต่เมื่อมีปัญหาใดเกิดขึ้น คนไทยกลับร่ำร้องต้องการผู้นำขึ้นมาทันที
           อย่างไรก็ตาม สังคมไทยนับว่าโชคดีที่ผู้นำเราในอดีตส่วนใหญ่เป็นผู้นำที่ดี เมืองไทยจึงเจริญก้าวหน้ามาโดยลำดับ และอยู่รอดปลอดภัยตลอดมาตราบจนกระทั่งทุกวันนี้ และความต้องการผู้นำก็ยังติดพันอยู่กับสังคมไทย
            ความต้องการผู้นำจึงยังมั่นคงดำรงอยู่ในจิตใจของคนไทยจวบจนปัจจุบัน และผู้นำสังคมไทยวันนี้มีอยู่หลากหลาย เพราะคนไทยมักนึกถึงผู้นำในรูปแบบต่างๆ ทั้งผู้นำในนามสถาบัน และผู้นำในนามบุคคล บางครั้งคนไทยยังหวังพึ่งผู้นำที่ไม่มีตัวตน อย่างเช่น "พระสยามเทวาธิราช" ด้วยเป็นต้น

ผู้นำจำเป็นต้องใช้รูปแบบหลายรูปแบบ



ผู้นำที่ใช้รูปแบบอำนาจอธิปไตย


           จากการศึกษาวิจัยมากมาย แสดงให้เห็นว่ายิ่งผู้นำใช้รูปแบบในการเป็นผู้นำมากแบบเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดี ผู้นำที่ที่ใช้ 4 รูปแบบหรือมากกว่านั้น โดยเฉพราะอย่างยิ่งรูปแบบการใช้อำนาจอธิปไตย แบบการส่งเสริมความร่วมมือและแบบครูฝึก จะส่งเสริมบรรยากาศในการทำงาน รวมทั้งผลการปฏิบัติงานได้ดีที่สุด และผู้นำที่มีประสิทธิผลมากที่สุดจะสับเปลี่ยนรูปแบบการเป็นผู้นำได้อย่างคล่องแคล่วตามสถานการณ์และความต้องการ แม้ว่าฟังดูแล้วอาจจะรู้สึกยากแต่เราก็เห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยกว่าที่คุณคิด ทั้งการร่วมมือกันอย่างเต็มที่และการเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ทั้งการที่ผู้นำในองค์กรได้อธิบายถึงวิธีการและเหตุผลที่พวกเขาใช้แต่ละรูปแบบของการเป็นผู้นำอย่างชัดเจน



เป็นศาสตร์มากกว่าศิลป์



   เช่นเดียวกับความเป็นพ่อเป็นแม่ ผู้นำจะไม่อิงตายตัวอยู่กับวิทยาศาสตร์ อีกทั้งศาสตร์และศิลป์ก็ไม่ได้เป็นความลับที่สมบูรณ์ของผู้ที่ปฏิบัติตาม เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง งานวิจัยได้ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจถึงองค์ประกอบทางพันธุกรรม จิตวิทยาและองค์ประกอบพฤติกรรมที่มีผลกระทบต่อ ผลการปฏิบัติงาน จากงานวิจัยพบว่า ผู้นำสามารถมองเ้ห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นขององค์ประกอบที่จะทำให้เป็นผู้นำได้อย่างมีประสิทธิิผล และที่สำคัญ บางทีพวกเขาอาจจะเห็นวิธีการของตัวเองที่จะทำให้เป็นผู้นำที่มีประสิทธิผลเช่นนั้นก็ได้

         สภาพแวดล้อมทางธุรกิจนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและผู้นำก็ต้องตอบสนองในทำนองเดียวกันจากชั่วโมงต่อชั่วโมง วันต่อวัน สัปดาห์ต่อสัปดาห์ ผู้บริหารต้องแสดงรูปแบบการเป็นผู้นำให้เหมือนมืออาชีพ ด้วยการใช้รูปแบบที่ถูกต้อง ถูกวิธี ถูกเวลา และถูกจังหวะ แล้วผลตอบแทนที่ได้ก็คือ ผลลัพท์สิ่งที่คุณแสดงออกไปนั่นแหละ



การเป็นผู้นำที่มีประสิทธิผล


โดย : นายพาณิชย์ นิลนามะ นิสิตชั้นปีที่3 สาขาการจัดการทรัพยากรมนุษย์ คณะการบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม


           ผู้จัดการหลายคนมีความเข้าใจแบผิด ๆ ว่ารูปแบบการเป็นผู้นำนั้นเป็นลักษณะทางบุคลิกภาพมากกว่าเป็นทางเลือกในการใช้กลยุทธิ์  แทนที่จะเลือกรูปแบบหนึ่งเหมาะสมกับนิสัยของตน พวกเขาควรจะถามว่า "รูปแบบใดที่จะดีที่สุดในการตอบสนองความต้องการในสถานการณ์ที่เฉพราะเจาจงในแต่ละอย่าง "
           จากงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผู้นำที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจะมีจุดเด่นในเรื่องความสามารถด้านความฉลาดทางอารมณ์ ( Emotional intelligence -EI ) ดังต่อไปนี้
  1. การตะหนักรู้ในตนเอง ( Self-awareness )
  2. การควบคุมตนเอง ( Self-regulation )
  3. การมีแรงจูงใจ ( Motivation )
  4. การมีความรู้สึกร่วม ( Empathy )
  5. การมีทักษะในการเข้าร่วมสังคม ( Social Skill )

           โดยรูปแบบพื้นฐานการเป็นผู้นำนั้นมีอยู่ 6 รูปแบบ แต่ละรูปแบบต่างก็ใช้องค์ประกอบหลักๆ ของความฉลาดทางอารมณ์ ด้วยการผสมผสานกันในลักษณะต่างๆ ผู้นำที่ดีที่สุดไม่ได้ใช้รูปแบบการเป็นผู้นำเพียงรูปแบบเดียวเท่านั้น พวกเขาจะมีทักษะหลากหลายรูปแบบ และมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปแบบต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ผันแปรไป

รูปแบบการเป็นผู้นำ 6 รูปแบบ มีดังต่อไปนี้

  1. ผู้นำแบบออกคำสั่ง ต้องการให้ปฏิบัติตามทันที
  2. ผู้นำแบบใช้อำนาจ จะผลักดันคนไปสู้วิสัยทัศน์
  3. ผู้นำแบบส่งเสริมความร่วมมือ จะสร้างความผูกพันทางอารมณ์และความสามัคคี
  4. ผู้นำแบบประชาธิปไตย จะสร้างมติมหาชนผ่านการมีส่วนร่วม
  5. ผู้นำแบบใช้ตัวเองเป็นมาตรฐาน จะคาดหวังความเป็นเลิศตามทิศทางของตนเอง
  6. ผู้นำแบบครูฝึก จะพัฒนาบุคคลเพื่ออนาคต